เพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยไม่ใช่แค่การใช้ถุงยางอนามัยหรือการตรวจโรคเป็นประจำเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการป้องกันล่วงหน้า ด้วยการฉีดวัคซีนที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันมีวัคซีนที่สามารถป้องกันโรคที่เกี่ยวข้องกับเพศสัมพันธ์ได้หลายชนิด และเหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะวัยรุ่น วัยเจริญพันธุ์ รวมถึงกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ชายรักชาย หรือผู้ที่มีคู่นอนหลายคน

วัคซีนสำหรับเพศสัมพันธ์ปลอดภัย คืออะไร?
วัคซีนสำหรับเพศสัมพันธ์ปลอดภัย หมายถึง วัคซีนที่ใช้เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STI) ซึ่งบางโรคสามารถก่อให้เกิดผลกระทบที่รุนแรงต่อร่างกาย เช่น การติดเชื้อเรื้อรัง การเกิดภาวะตับอักเสบเรื้อรัง หรือการกลายเป็นมะเร็งในระยะยาว
หลักการทำงานของวัคซีนเหล่านี้ คือ การกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโรคก่อนที่จะได้รับเชื้อจริง เมื่อเกิดการสัมผัสในภายหลัง ร่างกายจะสามารถ ตอบสนอง และกำจัดเชื้อได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ จึงช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อ ลดความรุนแรงของอาการ และลดโอกาสในการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น
วัคซีนอะไรบ้างที่เกี่ยวข้องกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์?
วัคซีน HPV (HPV Vaccine)
- ป้องกันโรค
- มะเร็งปากมดลูก
- มะเร็งทวารหนัก
- มะเร็งช่องปาก และลำคอ
- หูดหงอนไก่ (Genital warts)
- กลุ่มเป้าหมาย
- แนะนำให้ฉีดตั้งแต่อายุ 9–26 ปี เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดก่อนเริ่มมีเพศสัมพันธ์
- สามารถฉีดได้ถึงอายุ 45 ปี หากยังไม่เคยได้รับวัคซีน
- เหมาะสำหรับ ทุกเพศ โดยเฉพาะกลุ่ม ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย (MSM) ซึ่งมีความเสี่ยงต่อมะเร็งทวารหนัก
- ความสำคัญ HPV เป็นไวรัสที่พบได้บ่อยที่สุดในผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ และแม้ไม่แสดงอาการก็สามารถแพร่เชื้อได้ การฉีดวัคซีนช่วยป้องกันการติดเชื้อที่อาจนำไปสู่มะเร็งในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B Vaccine)
- ป้องกันโรค
- ไวรัสตับอักเสบชนิดบี
- โรคตับเรื้อรัง
- มะเร็งตับ
- วิธีการติดเชื้อ
- ผ่านทางเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน
- การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
- การสัมผัสเลือดหรือสารคัดหลั่งที่ปนเปื้อน
- กลุ่มเป้าหมาย
- เป็นวัคซีน พื้นฐานที่เด็กไทยได้รับตั้งแต่แรกเกิด
- ผู้ใหญ่ที่ไม่เคยได้รับ หรือไม่ทราบสถานะภูมิคุ้มกัน ควรตรวจเลือด และฉีดวัคซีนให้ครบตามชุด
- ความสำคัญ ไวรัสตับอักเสบบีสามารถทำให้ตับอักเสบแบบเรื้อรัง และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งตับ การฉีดวัคซีนครบชุดสามารถให้ภูมิคุ้มกันถาวรตลอดชีวิต
วัคซีนไวรัสตับอักเสบเอ (Hepatitis A Vaccine)
- ป้องกันโรค ไวรัสตับอักเสบชนิดเอ ซึ่งเป็นการติดเชื้อเฉียบพลันที่ตับ
- วิธีการติดเชื้อ
- การรับประทานอาหารหรือน้ำที่ไม่สะอาด
- การสัมผัสโดยตรงกับอุจจาระของผู้ติดเชื้อ
- เพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก ปาก (rimming)
- กลุ่มเป้าหมาย
- ผู้ที่มีความเสี่ยงจากพฤติกรรมทางเพศ เช่น MSM หรือผู้มีคู่นอนหลายคน
- ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ระบาด หรือจะเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค
- ความสำคัญ ไวรัสตับอักเสบเอแม้จะไม่ทำให้เกิดการติดเชื้อเรื้อรัง แต่สามารถทำให้เกิดอาการรุนแรง โดยเฉพาะในผู้ใหญ่ และยังแพร่กระจายได้ง่ายมาก การฉีดวัคซีนช่วยป้องกันการเจ็บป่วยที่ไม่จำเป็น
ใครบ้างที่ควรได้รับวัคซีน?
วัคซีนเหล่านี้ ไม่ใช่เฉพาะกลุ่มเสี่ยงเท่านั้นที่ควรฉีด แต่ “ทุกคน” ที่เคยมี หรือกำลังจะมีเพศสัมพันธ์ควรได้รับ โดยเฉพาะ:
- วัยรุ่น และวัยเริ่มต้นเพศสัมพันธ์
- ผู้ที่มีคู่นอนหลายคน
- กลุ่ม LGBTQ+ โดยเฉพาะ MSM และหญิงข้ามเพศ
- ผู้ที่มีประวัติติดเชื้อ STI หรือคู่ของผู้ที่มี STI
- คนที่ไม่เคยตรวจหรือฉีดวัคซีนตับอักเสบ

ประโยชน์ของการฉีดวัคซีนเพื่อเพศสัมพันธ์ปลอดภัย
- ป้องกันโรคติดต่อร้ายแรง วัคซีนช่วยป้องกันโรคที่ไม่มียารักษาเฉพาะ เช่น HPV รวมถึงโรคที่ก่อให้เกิดมะเร็งหรือภาวะเรื้อรัง
- ลดการแพร่เชื้อในชุมชน เมื่อคนส่วนใหญ่ได้รับวัคซีน จะเกิด ภูมิคุ้มกันหมู่ (herd immunity) ช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อ
- เพิ่มความมั่นใจในการมีเพศสัมพันธ์ เมื่อรู้ว่าตนเองได้รับวัคซีนป้องกัน จะรู้สึกปลอดภัย และกล้าสื่อสารเรื่องสุขภาพกับคู่มากขึ้น
- ลดค่าใช้จ่ายระยะยาว การป้องกันย่อมดีกว่าการรักษา โดยเฉพาะโรคที่ต้องรักษานาน เช่น มะเร็งตับ หรือมะเร็งปากมดลูก
วัคซีนเหล่านี้ฉีดได้ที่ไหน?
- สถานพยาบาลทั่วไป เช่น โรงพยาบาลรัฐ และเอกชน
- คลินิกเฉพาะทางด้านวัคซีน หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- คลินิกนิรนาม
- บางจังหวัดมีบริการฟรีสำหรับกลุ่มเสี่ยง เช่น ในโครงการป้องกันเอดส์
ควรสอบถามก่อนเข้ารับบริการ ว่ามีวัคซีนชนิดใดบ้าง ราคาเท่าไร และต้องฉีดกี่เข็ม
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับวัคซีน และเพศสัมพันธ์
Q: ฉีดวัคซีนแล้ว ยังต้องใช้ถุงยางไหม?
A: ใช่! วัคซีนป้องกันได้บางโรค แต่ไม่ได้ป้องกันทั้งหมด เช่น หนองใน ซิฟิลิส หรือ HIV จึงยังต้องใช้ถุงยางอนามัยเสมอ
Q: วัคซีนมีผลข้างเคียงไหม?
A: อาจมีอาการบวมแดงบริเวณที่ฉีด ปวดเมื่อยเล็กน้อย หรือมีไข้เล็กน้อยในบางราย แต่ไม่อันตราย
Q: ต้องตรวจเลือดก่อนฉีดไหม?
A: บางวัคซีน เช่น ตับอักเสบบี อาจตรวจเลือดก่อนเพื่อดูว่ามีภูมิอยู่แล้วหรือไม่
Q: ต้องฉีดกี่เข็ม? ต้องฉีดซ้ำไหม?
A: HPV: ฉีด 2–3 เข็มภายใน 6 เดือน ขึ้นกับอายุ, Hepatitis A และ B: ต้องฉีดครบชุด (2–3 เข็ม) เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันถาวร และไม่จำเป็นต้องฉีดซ้ำทุกปี ยกเว้นตามคำแนะนำของแพทย์
อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติม
วัคซีนเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะในโลกยุคใหม่ที่การมีเพศสัมพันธ์ไม่ได้จำกัดแค่รูปแบบเดียว การรู้จัก และเข้าถึงวัคซีนที่เหมาะสมจึงเป็นการดูแลตัวเอง และคนรอบข้างให้มีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน
หากคุณยังไม่เคยตรวจภูมิ หรือยังไม่เคยรับวัคซีนเหล่านี้ ถึงเวลาที่ควรเริ่มวางแผนเพื่อ “เพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย” ตั้งแต่วันนี้
เอกสารอ้างอิง
- Centers for Disease Control and Prevention (CDC). HPV Vaccination Overview. Information on recommended ages, vaccine benefits, and effectiveness. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.cdc.gov/hpv/parents/vaccine.html
- World Health Organization (WHO). Immunization in the Western Pacific: Hepatitis B. Global guidelines on hepatitis B vaccination and prevention. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.who.int/westernpacific/health-topics/hepatitis/regional-hepatitis-programme/hepatitis-b
- Immunization Action Coalition. Hepatitis A and B Vaccination Information. Resources on how vaccines protect against liver infections. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.immunize.org/hepatitis
- กระทรวงสาธารณสุขแห่งประเทศไทย. เว็บไซต์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. ข้อมูลวัคซีน HPV และวัคซีนไวรัสตับอักเสบในกลุ่มวัยรุ่นและประชาชนทั่วไป. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://ddc.moph.go.th
- สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ. การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันด้วยวัคซีนในมิติของสุขภาพทางเพศ. แนวคิดและนโยบายสาธารณะด้านวัคซีนเพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.nationalhealth.or.th