
เปิด Pride 2025 เชียงใหม่ อย่างอลังการด้วยขบวนพาเหรดสีรุ้งที่ยาวที่สุดในไทย พร้อมกิจกรรมเฉลิมฉลองตลอดเดือนมิถุนายน แสดงพลังของความรัก ความหลากหลาย และการยอมรับในสังคมไทย
เชียงใหม่กลายเป็นเมืองแรกของประเทศไทยที่จุดประกาย Pride Month 2025 อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา ด้วยกิจกรรมสุดยิ่งใหญ่ในชื่อ “Pride of Chiang Mai 2025” ที่จัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างภาคประชาสังคม กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ หน่วยงานท้องถิ่น และภาคธุรกิจ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเฉลิมฉลองความเท่าเทียม สนับสนุนสิทธิมนุษยชน และสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ทุกคนได้แสดงตัวตนอย่างภาคภูมิ
ขบวนพาเหรดที่สะกดสายตาทั้งเมือง
กิจกรรมเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ช่วงบ่าย โดยขบวนพาเหรดได้เคลื่อนตัวจากพุทธสถานเชียงใหม่ ผ่านถนนท่าแพอันคึกคัก จนถึงลานประตูท่าแพ จุดศูนย์กลางแห่งวัฒนธรรมของเมืองเชียงใหม่ ตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยธงสีรุ้งที่โบกสะบัด เสียงเพลง การแสดงแฟลชม็อบ และการแต่งกายหลากสไตล์จากกลุ่ม LGBTQ+ ทั่วประเทศและนานาชาติ
“มันไม่ใช่แค่ขบวนพาเหรด แต่มันคือการเดินเพื่อศักดิ์ศรี ความเป็นมนุษย์ และการยืนยันว่าพวกเราอยู่ที่นี่ และเราควรได้รับการยอมรับ” หนึ่งในผู้ร่วมขบวนกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
ขบวนปีนี้ประกอบด้วยมากกว่า 25 ขบวนย่อย ตั้งแต่กลุ่มนักศึกษา องค์กรชุมชน ศิลปิน ไปจนถึงแบรนด์ธุรกิจที่สนับสนุนความเท่าเทียม พร้อมการแสดงศิลปะบนท้องถนน และขบวนจักรยาน Pride ที่ร่วมเคลื่อนขบวนสร้างสีสัน
กิจกรรมต่อเนื่องตลอดเดือนมิถุนายน
Chiang Mai Pride 2025 ไม่ได้หยุดอยู่แค่วันเปิดงานเท่านั้น แต่ยังมีกิจกรรมเฉลิมฉลองอย่างต่อเนื่องตลอดเดือน เช่น
- นิทรรศการศิลปะ “Visible Identities” ที่จัดแสดงเรื่องราวและภาพถ่ายของชาว LGBTQ+ ท้องถิ่น
- การเสวนาเรื่องสมรสเท่าเทียม สิทธิเพศทางเลือก และสุขภาพทางเพศ ณ หอศิลป์และห้องสมุดในเขตเมือง
- การประกวด Pride Ambassador 2025 โดยเปิดโอกาสให้ทั้งเยาวชนและผู้สูงวัย LGBTQ+ ขึ้นเวทีแสดงจุดยืน
- ตลาดสีรุ้งและเวทีดนตรีกลางแจ้งที่สวนสาธารณะใหญ่ของเมือง พร้อมการแสดงจากศิลปินที่มีความหลากหลาย

กิจกรรมทั้งหมดถูกจัดขึ้นภายใต้ธีม “Power of Pride – พลังแห่งศักดิ์ศรีและการอยู่ร่วม” เพื่อย้ำเตือนถึงความสำคัญของการมีตัวตนและความกล้าหาญในการใช้ชีวิตอย่างเป็นตัวของตัวเอง
ความเปลี่ยนแปลงทางสังคมและกฎหมายในปี 2025
Pride Month 2025 จัดขึ้นในปีที่ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของประวัติศาสตร์ไทย เพราะเป็นปีแรกที่พระราชบัญญัติสมรสเท่าเทียมมีผลบังคับใช้ ทำให้คู่รักเพศเดียวกันสามารถจดทะเบียนสมรสได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ส่งผลให้บรรยากาศของงานปีนี้เต็มไปด้วยความซาบซึ้งและน้ำตาแห่งความดีใจ
“เรารอวันนี้มา 20 ปี ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้ถือมือแฟนแล้วเดินกลางขบวนพาเหรดในฐานะคู่สมรสที่ถูกกฎหมาย” คู่รักจากกรุงเทพฯ กล่าวพร้อมรอยยิ้ม
กฎหมายฉบับนี้ส่งผลให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ให้การยอมรับการสมรสของเพศเดียวกันอย่างสมบูรณ์แบบ และทำให้การจัด Pride ในเชียงใหม่ปีนี้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะของความรักและสิทธิขั้นพื้นฐาน
พลังแห่งความร่วมมือของทุกภาคส่วน

การจัดงาน Pride ที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้เกิดขึ้นได้จากความร่วมมือของภาครัฐ อาทิ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เทศบาลนครเชียงใหม่ รวมถึงกลุ่มธุรกิจ โรงแรม และผู้ประกอบการในพื้นที่ที่พร้อมใจกันสนับสนุน LGBTQ+ Tourism
หลายโรงแรมในเชียงใหม่ได้จัดแพ็กเกจพิเศษต้อนรับนักท่องเที่ยวในช่วง Pride Month ทั้งการลดราคาที่พัก การจัดดินเนอร์สีรุ้ง และกิจกรรมต้อนรับพิเศษ เช่น เวิร์กช็อปทำธง Pride การแต่งหน้าแฟนซี และปาร์ตี้ริมสระน้ำ
ภาคประชาสังคม เช่น เครือข่ายเพศหลากหลายเชียงใหม่ และกลุ่มเยาวชนเชียงใหม่ก็มีบทบาทสำคัญในการจัดกิจกรรมให้ความรู้เรื่องสิทธิ ความเท่าเทียม และการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ พร้อมให้บริการปรึกษาและตรวจสุขภาพฟรีในพื้นที่งาน
สื่อมวลชนท้องถิ่นและนานาชาติให้ความสนใจ
การเปิด Pride Month 2025 ที่เชียงใหม่ได้รับการรายงานอย่างกว้างขวางจากสื่อทั้งในและต่างประเทศ หลายสำนักข่าวเน้นย้ำว่า ความเคลื่อนไหวในประเทศไทยแสดงถึงพัฒนาการที่โดดเด่นของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการผลักดันสิทธิพลเมืองของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ
นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาร่วมงานต่างแสดงความประทับใจในความเป็นมิตรของคนเชียงใหม่ การจัดงานที่เป็นระเบียบ และพลังของชุมชน LGBTQ+ ที่พร้อมผลักดันความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้เกิดขึ้นในสังคม
Pride Month 2025 ที่เชียงใหม่ไม่ใช่แค่งานเฉลิมฉลอง แต่คือพลังแห่งการเปลี่ยนแปลง
จากขบวนพาเหรดที่สะกดทุกสายตา ไปจนถึงเวทีเสวนาเชิงลึก Chiang Mai Pride 2025 ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า การเฉลิมฉลองความหลากหลายไม่ใช่แค่เรื่องของแฟชั่นหรือความสนุกสนานเท่านั้น แต่คือเครื่องมือที่ทรงพลังในการสร้างความเข้าใจ การยอมรับ และการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในสังคมไทย
การเปิดประตูแห่งความเท่าเทียมในเมืองที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่สุดของประเทศ คือการประกาศอย่างเป็นทางการว่า ประเทศไทยพร้อมเดินหน้าไปสู่อนาคตที่ยอมรับ “ทุกคน” อย่างแท้จริง