Tag: ข้อควรรู้เกี่ยวกับยาเป๊ป

  • PEP ยาฉุกเฉินเพื่อป้องกันเอชไอวี : ใครควรใช้ และเมื่อไหร่?

    PEP ยาฉุกเฉินเพื่อป้องกันเอชไอวี : ใครควรใช้ และเมื่อไหร่?

    ยาเป๊ป หรือยาป้องกันฉุกเฉินหลังการสัมผัสเชื้อเอชไอวี เป็นทางเลือกที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อเอชไอวีหลังเกิดเหตุการณ์ที่มีความเสี่ยง เช่น การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันหรือการถูกเข็มปนเปื้อนเชื้อแทง การใช้ยาเป๊ป อย่างถูกต้อง และทันเวลาเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดโอกาสการติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    PEP ยาฉุกเฉินเพื่อป้องกันเอชไอวี ใครควรใช้ และเมื่อไหร่?

    ยาเป๊ป (PEP) คืออะไร?

    ยาเป๊ป (PEP = Post-Exposure Prophylaxis) เป็นการใช้ยาต้านไวรัส (Antiretroviral Therapy: ARV) หลังจากสัมผัสเชื้อเอชไอวีในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยยาเป๊ป จะช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อเอชไอวีแพร่กระจายในร่างกาย โดยยาเป๊ป มีประสิทธิภาพสูงหากเริ่มใช้ ภายใน 72 ชั่วโมงหลังสัมผัสเชื้อ ฉะนั้นยิ่งเริ่มใช้ยาเร็วเท่าไหร่ ประสิทธิภาพในการป้องกันยิ่งเพิ่มขึ้น

    ใครควรใช้ยาเป๊ป?

    ยาเป๊ป เหมาะสำหรับผู้ที่เผชิญสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงต่อการสัมผัสเชื้อเอชไอวี เช่น

    • การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน ถุงยางอนามัยฉีกขาด หรือหลุด และการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี หรือไม่ทราบสถานะสุขภาพ
    • การถูกล่วงละเมิดทางเพศ ยาเป๊ป เป็นสิ่งจำเป็นในกรณีฉุกเฉินนี้
    • การใช้เข็มหรืออุปกรณ์ร่วมกัน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้สารเสพติด
    • บุคลากรทางการแพทย์ ถูกเข็มปนเปื้อนเชื้อแทง หรือสัมผัสเลือด/น้ำคัดหลั่งของผู้ที่มีเชื้อ
    • การสัมผัสเชื้อทางอื่น ๆ เช่น การได้รับบาดเจ็บจากอุปกรณ์ที่ปนเปื้อนเชื้อ

    เมื่อไหร่ควรเริ่มใช้ยาเป๊ป?

    ยาเป๊ป ต้องเริ่มภายใน 72 ชั่วโมงหลังสัมผัสเชื้อ หากเริ่มใช้ยาเกินกว่า 72 ชั่วโมง ยาเป๊ปจะไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการป้องกัน ดังนั้นควรรีบไปพบแพทย์ หรือสถานพยาบาลทันทีหลังเกิดเหตุการณ์ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อเอชไอวี

    ขั้นตอนการใช้ยาเป๊ป

    • ปรึกษาแพทย์ทันที
      • หากคุณคิดว่าตัวเองมีความเสี่ยงต่อการสัมผัสเชื้อ ให้รีบไปพบแพทย์ในสถานพยาบาลที่มีบริการยาเป๊ป
      • แพทย์จะสอบถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และประเมินว่าคุณจำเป็นต้องใช้ยาเป๊ป หรือไม่
    • ตรวจสุขภาพเบื้องต้น
      • แพทย์จะตรวจหาเชื้อเอชไอวีในร่างกายก่อนเริ่มใช้ยาเป๊ป
      • อาจมีการตรวจการทำงานของตับและไต เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถรับยาต้านไวรัสได้อย่างปลอดภัย
    • การจ่ายยา
      • ยาเป๊ป ต้องรับประทาน ต่อเนื่องทุกวันเป็นเวลา 28 วัน
      • ยาต้องรับประทานในเวลาเดียวกันทุกวันเพื่อให้ระดับยาคงที่ในร่างกาย
    • การติดตามผลหลังการใช้ยา
      • หลังจากสิ้นสุดการใช้ยา 28 วัน ควรพบแพทย์เพื่อตรวจติดตามผล
      • โดยปกติจะมีการนัดตรวจหาเชื้อเอชไอวีเพิ่มเติมในระยะเวลา 1 เดือน และ 3 เดือนหลังการสัมผัสเชื้อ

    ข้อควรรู้เกี่ยวกับยาเป๊ป

    • ยาเป๊ปไม่ใช่วิธีป้องกันล่วงหน้า ยาเป๊ปใช้เฉพาะในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น ไม่สามารถใช้แทนการป้องกันด้วยถุงยางอนามัยหรือยาเพร็พได้
    • การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ การหยุดยาหรือข้ามมื้อยาจะลดประสิทธิภาพในการป้องกัน
    • ผลข้างเคียงของยา อาจมีอาการคลื่นไส้ ท้องเสีย หรืออ่อนเพลียในระหว่างการใช้ยา แต่ผลข้างเคียงเหล่านี้มักไม่รุนแรง
    • ยาเป๊ปไม่ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ เช่น ซิฟิลิส หนองใน หรือเริม ดังนั้นการใช้ถุงยางอนามัยยังคงจำเป็น

    วิธีการป้องกันเอชไอวีในระยะยาว

    แม้ว่ยาเป๊ป จะช่วยลดความเสี่ยงจากเหตุการณ์ฉุกเฉินได้ แต่การป้องกันล่วงหน้ายังคงเป็นสิ่งสำคัญ:

    • การใช้ถุงยางอนามัย เป็นวิธีป้องกันที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
    • การใช้ยาเพร็พ สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อเอชไอวีในระยะยาว
    • การตรวจสุขภาพเป็นประจำ ตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และเอชไอวีอย่างสม่ำเสมอ

    อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติม

    ยาเป๊ป เป็นยาป้องกันฉุกเฉินที่มีบทบาทสำคัญในการลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อเอชไอวีหลังสัมผัสเชื้อ หากคุณเผชิญสถานการณ์ที่มีความเสี่ยง อย่ารอช้า รีบปรึกษาแพทย์ และเริ่มใช้ยาเป๊ป ภายใน 72 ชั่วโมง เพื่อให้ยามีประสิทธิภาพสูงสุด

    นอกจากนี้ การป้องกันเชิงรุก เช่น การใช้ถุงยางอนามัย และการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณปลอดภัย และมั่นใจในสุขภาพของตัวเองได้ในระยะยาว

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save