Category: PrEP/PEP

  • ใช้ PrEP หรือ PEP ยังไงให้ถูกเวลา?

    ใช้ PrEP หรือ PEP ยังไงให้ถูกเวลา?

    ในยุคที่การติดเชื้อเอชไอวี ไม่ได้หมายถึงสิ้นหวัง การใช้ยาเพื่อป้องกันก่อน และหลังความเสี่ยง—PrEP (Pre-Exposure Prophylaxis) และ PEP (Post-Exposure Prophylaxis)—ถือเป็นก้าวสำคัญของการควบคุมการระบาดอย่างยั่งยืน การใช้งานอย่างถูกเวลา คือ หัวใจที่ทำให้ยาทั้งสองนี้มีประสิทธิภาพสูงสุด

    ใช้ PrEP หรือ PEP ยังไงให้ถูกเวลา?

    PrEP คืออะไร? เมื่อไหร่ควรใช้

    PrEP (Pre-Exposure Prophylaxis) คือ แนวทางการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี โดยการรับประทานยาต้านไวรัสก่อนมีความเสี่ยงในการสัมผัสเชื้อ ยานี้ออกฤทธิ์ในการป้องกันไม่ให้เชื้อเอชไอวี เข้าสู่เซลล์ของร่างกายได้ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อแต่มีพฤติกรรมเสี่ยงสูง

    ประเภทของ PrEP

    1. Daily PrEP (กินทุกวัน) เป็นวิธีที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางที่สุด โดยใช้ตัวยา

    • Tenofovir disoproxil fumarate (TDF) + Emtricitabine (FTC)
    • Tenofovir alafenamide (TAF) + FTC (สูตรใหม่ ใช้ในบางกรณี)

    ข้อดี

    • ป้องกันได้ถึง 99% เมื่อทานต่อเนื่องทุกวัน
    • เหมาะกับผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงสม่ำเสมอ
    • มีความมั่นคงด้านระดับยาในร่างกาย

    ข้อควรระวัง

    • ต้องทานทุกวันอย่างเคร่งครัด ไม่ควรลืม
    • ต้องตรวจติดตามสุขภาพไต และตรวจเชื้อเอชไอวี ทุก 3 เดือน

    วิธีใช้ Daily PrEP

    • ทานทุกวัน เวลาเดียวกัน
    • ควรเริ่มทาน อย่างน้อย 7 วันก่อน การมีเพศสัมพันธ์ (สำหรับ MSM และ Trans Women)
    • ตรวจติดตามเชื้อเอชไอวี ทุก 3 เดือน

    ตรวจสุขภาพไต และตับ รวมถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น

    2. On-Demand PrEP (สูตร 2-1-1) เหมาะกับผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย (MSM) ที่สามารถวางแผนเพศสัมพันธ์ได้ล่วงหน้า

    วิธีใช้สูตร 2-1-1

    • 2 เม็ด ก่อนมีเพศสัมพันธ์ 2–24 ชั่วโมง
    • 1 เม็ด หลัง 24 ชั่วโมง (วันถัดมา)
    • 1 เม็ด อีกครั้งใน 48 ชั่วโมงหลังเริ่ม (รวม 4 เม็ดต่อครั้ง)

    ข้อดี

    • ลดภาระการกินยาทุกวัน
    • ให้ประสิทธิภาพ ≈ 97–99% เมื่อใช้ถูกวิธี

    ข้อควรระวัง

    • ใช้ได้เฉพาะใน MSM เท่านั้น (ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอในกลุ่มหญิง/ชายต่างเพศ)
    • ไม่แนะนำสำหรับผู้มีเพศสัมพันธ์โดยไม่คาดการณ์ได้ล่วงหน้า


    วิธีใช้ On-Demand PrEP

    • เริ่มทาน 2 เม็ด ก่อนมีเพศสัมพันธ์อย่างน้อย 2–24 ชั่วโมง
    • ต่อด้วยอีก 1 เม็ด ในวันรุ่งขึ้น และอีก 1 เม็ด ในวันถัดไป
    • ต้องทานอย่างต่อเนื่องจนครบตามรอบ หากมีเพศสัมพันธ์ต่อเนื่องควรทานวันละ 1 เม็ดไปเรื่อย ๆ จนไม่มีเพศสัมพันธ์แล้ว 2 วัน

    ทำไมต้องใช้ PrEP ให้ตรงเวลา

    • ประสิทธิภาพสูงสุด
      • Daily PrEP ลดความเสี่ยงการติดเชื้อเอชไอวี ได้สูงถึง 99%
      • On-Demand PrEP มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกันใน MSM
    • ลดความเสี่ยงการดื้อยา หากรับประทานไม่สม่ำเสมอ อาจเกิดการกลายพันธุ์ของเชื้อในร่างกายหากติดเชื้อโดยไม่รู้ตัว และนำไปสู่ภาวะดื้อยา
    • สร้างความมั่นใจ การใช้ PrEP อย่างถูกวิธี ช่วยลดความวิตกกังวลในการมีเพศสัมพันธ์

    ใครควรพิจารณาใช้ PrEP?

    • ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย (MSM) กลุ่มนี้มีอัตราความชุกของเชื้อเอชไอวีสูงกว่าเฉลี่ย เนื่องจากเนื้อเยื่อบริเวณทวารหนักบอบบาง ทำให้มีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายขึ้นหากไม่ได้ป้องกัน
    • ผู้ที่มีคู่นอนหลายคน และไม่ใช้ถุงยางอนามัยอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะผู้ที่มีคู่นอนที่ไม่ทราบสถานะ เอชไอวี หรือมีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น ปฏิเสธการตรวจเลือด
    • คู่รักที่ฝ่ายหนึ่งติดเชื้อเอชไอวี แม้ว่าฝ่ายที่มีเชื้อจะกินยาต้านไวรัส และมี viral load ต่ำ แต่การใช้ PrEP ก็ช่วยเสริมความปลอดภัยเพิ่มเติมให้กับอีกฝ่าย
    • ผู้ใช้สารเสพติดชนิดฉีด โดยเฉพาะผู้ที่ใช้เข็มหรืออุปกรณ์ร่วมกับผู้อื่น เพิ่มความเสี่ยงในการรับเชื้อผ่านทางเลือด
    • ผู้มีเพศสัมพันธ์เพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ (เช่น เซ็กซ์เวิร์กเกอร์) อาจเผชิญสถานการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมการใช้ถุงยางได้ทุกครั้ง
    • ผู้ที่เคยรับยา PEP มาก่อน การเคยใช้ PEP อาจบ่งชี้ว่าบุคคลนั้นมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี ซ้ำ ควรเปลี่ยนมาใช้ PrEP แบบต่อเนื่องเพื่อป้องกันระยะยาว

    PEP คืออะไร? ใช้อย่างไรให้ทันเวลา

    PEP (Post-Exposure Prophylaxis) คือการใช้ยาต้านไวรัส (Antiretroviral Therapy หรือ ART) หลังจาก ที่บุคคลเผชิญความเสี่ยงในการติดเชื้อเอชไอวี โดยไม่ได้ตั้งใจ เช่น ถุงยางอนามัยแตก มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน หรือโดนเข็มที่มีเลือดปนเปื้อนทิ่ม

    เป้าหมายของ PEP

    PEP ไม่ใช่ยากินประจำ แต่เป็นมาตรการฉุกเฉิน ที่ใช้ หลังเหตุการณ์เสี่ยงเกิดขึ้นแล้ว โดยมีเป้าหมายเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อเอชไอวี ตั้งหลัก และแพร่กระจายในร่างกาย

    ยิ่งเริ่มใช้เร็ว ยิ่งมีโอกาสป้องกันได้สูง – ภายใน 72 ชั่วโมง (3 วัน) คือขีดจำกัดสูงสุดที่ใช้ได้ผล

    ยา PEP ใช้สูตรไหน?

    โดยทั่วไป PEP จะใช้ยาต้านไวรัสเอชไอวี 2–3 ชนิด รวมกัน เช่น

    • Tenofovir disoproxil fumarate (TDF) + Emtricitabine (FTC)
    • ร่วมกับ Raltegravir (RAL) หรือ Dolutegravir (DTG)

    สูตรนี้จะใช้ติดต่อกัน 28 วัน ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น

    วิธีใช้ PEP อย่างถูกต้อง

    • เริ่มใช้ ภายใน 72 ชั่วโมง
      • ควรเริ่มเร็วที่สุด — ไม่เกิน 72 ชั่วโมงหลังเหตุการณ์
      • หากเลยช่วงเวลานี้ไปแล้ว PEP จะ ไม่มีประสิทธิภาพ
    • กินยาอย่างเคร่งครัด
      • ต้องรับประทานยาทุกวัน ติดต่อกันเป็นเวลา 28 วันเต็ม
      • ห้ามลืม ห้ามหยุดเองกลางคัน — เพื่อให้ได้ผลลัพธ์สูงสุด
    • ตรวจติดตามหลังจบคอร์ส ตรวจหาเชื้อเอชไอวี และติดตามสุขภาพหลังหยุดยาในช่วง
      • 4–6 สัปดาห์
      • 12 สัปดาห์ (3 เดือน) เพื่อยืนยันผล
    • แจ้งแพทย์หากมีผลข้างเคียง
      • อาจเกิดอาการคลื่นไส้ อ่อนเพลีย หรือท้องเสีย
      • หากเกิดผลข้างเคียงมาก ควรปรึกษาแพทย์ทันทีเพื่อปรับแผนการดูแล

    ใครควรพิจารณาใช้ PrEP?

    • ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยาง เช่น มีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่รู้สถานะเอชไอวี หรือมีพฤติกรรมเสี่ยง
    • ถุงยางอนามัยแตกหรือหลุดระหว่างมีเพศสัมพันธ์ และไม่สามารถแน่ใจได้ว่าคู่มีเชื้อหรือไม่
    • ผู้ใช้ยาเสพติดชนิดฉีด ที่ใช้เข็มหรืออุปกรณ์ร่วมกับผู้อื่น
    • บุคลากรทางการแพทย์ ที่สัมผัสเลือดหรือเข็มที่อาจมีเชื้อเอชไอวี โดยไม่ได้ป้องกัน
    • ผู้ที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งไม่สามารถป้องกันตัวเองหรือใช้ถุงยางได้ทันเวลา
    • คู่รักของผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่ยังไม่ควบคุม viral load หากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ PrEP หรือไม่ได้วางแผนล่วงหน้า
    ความต่างระหว่าง PrEP และ PEP

    ความต่างระหว่าง PrEP และ PEP

    จุดเปรียบเทียบPrEP (ก่อนเสี่ยง)PEP (หลังเสี่ยง)
    เวลาใช้ก่อนความเสี่ยง เช่น ก่อนมีเพศ (Daily/On‑Demand)ภายใน 72 ชั่วโมงหลังเสี่ยง
    ระยะเวลาตามพฤติกรรมเสี่ยง เช่น ตลอดเวลาเสี่ยง28 วัน ต่อเนื่อง
    เหมาะกับคนผู้มีพฤติกรรมเสี่ยงซ้ำ เช่น MSM, คนใช้เข็มร่วมผู้ที่ประสบเหตุการณ์เสี่ยงครั้งเดียว
    ตรวจติดตามทุก 3 เดือนตรวจหลังจบคอร์ส 4–6 และ 12 สัปดาห์
    ประสิทธิภาพสูงสุด 99% เมื่อใช้ประจำลดความเสี่ยง >80% เมื่อเริ่มเร็ว และครบคอร์ส

    คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับความต่างระหว่าง PrEP และ PEP 

    Q1: เริ่มใช้ PrEP ยังไง?

    A: ก่อนเริ่ม PrEP ผู้ใช้ต้องตรวจเลือดหาเชื้อเอชไอวี และประเมินสุขภาพทั่วไป รวมถึงการทำงานของตับ และไต หากผลตรวจเป็นลบ สามารถเริ่ม PrEP ได้ทันทีตามคำแนะนำของแพทย์ โดยเลือกระหว่าง Daily PrEP (ทุกวัน) หรือ On‑Demand PrEP (2‑1‑1) ตามพฤติกรรมความเสี่ยง

    Q2: ลืมกินยา PrEP วันเดียว ต้องทำยังไง?

    A: หากคุณลืมกิน PrEP วันเดียว ควรกินทันทีที่นึกได้ และกลับมากินในเวลาเดิมวันถัดไป โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยา หากลืมหลายวัน ควรปรึกษาแพทย์ เพราะยาอาจไม่ป้องกันได้เต็มที่จนกว่าจะสะสมระดับในเลือดกลับมา (ใช้เวลาประมาณ 2–3 วัน)

    Q3: PEP มีผลข้างเคียงรุนแรงไหม?

    A: ยา PEP อาจมีผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ อ่อนเพลีย ปวดหัว หรือเบื่ออาหาร ซึ่งโดยทั่วไปมักเป็นเพียงชั่วคราว และหายไปใน 1–2 สัปดาห์ ไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันในระยะยาว หากอาการรุนแรง ควรแจ้งแพทย์

    Q4: ใช้ PrEP แล้วตรวจหาเชื้อเอชไอวียังไง?

    A: หากใช้ PrEP อย่างต่อเนื่อง ต้องตรวจหาเชื้อเอชไอวี ทุก 3 เดือน เพื่อให้มั่นใจว่ายังไม่มีการติดเชื้อ และเพื่อติดตามการทำงานของไต ตับ รวมถึงตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ควบคู่กันด้วยทุกครั้ง

    Q5: เมื่อไรควรเปลี่ยนจาก PEP ไป PrEP?

    A: หากคุณเพิ่งใช้ PEP เพราะมีความเสี่ยง เช่น ถุงยางแตก หรือมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน และพบว่าตัวเองยังมีพฤติกรรมเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง แนะนำให้เปลี่ยนมาใช้ Daily PrEP ต่อทันทีหลังจบคอร์ส PEP เพื่อให้การป้องกันเป็นไปอย่างต่อเนื่อง

    Q6: PEP และ PrEP ต่างกันยังไงในเรื่องเวลา?

    A: PrEP ต้องเริ่มใช้ก่อน มีความเสี่ยง ส่วน PEP ต้องเริ่มใช้หลัง เผชิญความเสี่ยงภายใน 72 ชั่วโมง นี่คือจุดแตกต่างสำคัญที่หลายคนสับสน การเข้าใจให้ชัดเจนจะช่วยให้เลือกใช้ยาป้องกันได้อย่างถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ

    Q7: PEP ใช้ได้บ่อยแค่ไหน?

    A: PEP ไม่ควรใช้บ่อย เนื่องจากมีผลข้างเคียงมากกว่าการใช้ PrEP และไม่ได้ออกแบบมาเพื่อการใช้เป็นประจำ หากพบว่าตัวเองต้องใช้ PEP บ่อยครั้ง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเปลี่ยนมาใช้ PrEP ซึ่งมีความเหมาะสมกว่าในระยะยาว

    Q8: PrEP แบบฉีดสามารถใช้แทน PEP ได้หรือไม่?

    A: ไม่สามารถใช้แทนกันได้ PrEP แบบฉีดเป็นการป้องกันล่วงหน้าสำหรับผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อ และมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อเนื่อง ส่วน PEP เป็นยาฉุกเฉินหลังเกิดเหตุการณ์ที่อาจเสี่ยงติดเชื้อ

    Q9: PrEP และ PEP มีข้อจำกัดเรื่องเพศหรือไม่?

    A: ไม่มีข้อจำกัด ไม่ว่าจะเป็นชาย หญิง คนข้ามเพศ หรือเพศใดก็ตาม สามารถใช้ PrEP หรือ PEP ได้หากอยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม ประเภท PrEP แบบ 2‑1‑1 ยังเหมาะเฉพาะกับ MSM เท่านั้น

    อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติม

    PrEP และ PEP เป็นเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี หากเลือกใช้ให้ถูกวิธี และตรงเวลา จะช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างมีนัยสำคัญ การใช้ Daily PrEP เหมาะสำหรับผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ On-Demand PrEP เหมาะกับกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย (MSM) ที่สามารถวางแผนล่วงหน้าได้ ส่วน PEP เป็นตัวช่วยหลังการเผชิญเหตุฉุกเฉิน โดยต้องเริ่มภายใน 72 ชั่วโมงเท่านั้น ความเข้าใจ และการเลือกใช้ยาอย่างเหมาะสมจึงเป็นกุญแจสำคัญในการดูแลสุขภาพทางเพศอย่างปลอดภัย และยั่งยืน.

    เอกสารอ้างอิง

    • Centers for Disease Control and Prevention (CDC). PrEP. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก:
      https://www.cdc.gov/hiv/basics/prep.html
    • Centers for Disease Control and Prevention (CDC). PEP (Post-Exposure Prophylaxis). [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.cdc.gov/hiv/basics/pep.html
    • World Health Organization (WHO). Guidelines on HIV Prevention, Testing, Treatment, Service Delivery and Monitoring. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.who.int/publications/i/item/9789240051593
    • HIVinfo. The Basics of Pre-Exposure Prophylaxis (PrEP). [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก:
      https://hivinfo.nih.gov/understanding-hiv/fact-sheets/pre-exposure-prophylaxis-prep
    • กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. คู่มือการให้บริการยาป้องกันก่อนสัมผัสเชื้อเอชไอวี (PrEP). [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://ddc.moph.go.th/uploads/publish/1149320210104054701.pdf
  • PEP ยาฉุกเฉินเพื่อป้องกันเอชไอวี : ใครควรใช้ และเมื่อไหร่?

    PEP ยาฉุกเฉินเพื่อป้องกันเอชไอวี : ใครควรใช้ และเมื่อไหร่?

    ยาเป๊ป หรือยาป้องกันฉุกเฉินหลังการสัมผัสเชื้อเอชไอวี เป็นทางเลือกที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อเอชไอวีหลังเกิดเหตุการณ์ที่มีความเสี่ยง เช่น การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันหรือการถูกเข็มปนเปื้อนเชื้อแทง การใช้ยาเป๊ป อย่างถูกต้อง และทันเวลาเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดโอกาสการติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    PEP ยาฉุกเฉินเพื่อป้องกันเอชไอวี ใครควรใช้ และเมื่อไหร่?

    ยาเป๊ป (PEP) คืออะไร?

    ยาเป๊ป (PEP = Post-Exposure Prophylaxis) เป็นการใช้ยาต้านไวรัส (Antiretroviral Therapy: ARV) หลังจากสัมผัสเชื้อเอชไอวีในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยยาเป๊ป จะช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อเอชไอวีแพร่กระจายในร่างกาย โดยยาเป๊ป มีประสิทธิภาพสูงหากเริ่มใช้ ภายใน 72 ชั่วโมงหลังสัมผัสเชื้อ ฉะนั้นยิ่งเริ่มใช้ยาเร็วเท่าไหร่ ประสิทธิภาพในการป้องกันยิ่งเพิ่มขึ้น

    ใครควรใช้ยาเป๊ป?

    ยาเป๊ป เหมาะสำหรับผู้ที่เผชิญสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงต่อการสัมผัสเชื้อเอชไอวี เช่น

    • การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน ถุงยางอนามัยฉีกขาด หรือหลุด และการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี หรือไม่ทราบสถานะสุขภาพ
    • การถูกล่วงละเมิดทางเพศ ยาเป๊ป เป็นสิ่งจำเป็นในกรณีฉุกเฉินนี้
    • การใช้เข็มหรืออุปกรณ์ร่วมกัน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้สารเสพติด
    • บุคลากรทางการแพทย์ ถูกเข็มปนเปื้อนเชื้อแทง หรือสัมผัสเลือด/น้ำคัดหลั่งของผู้ที่มีเชื้อ
    • การสัมผัสเชื้อทางอื่น ๆ เช่น การได้รับบาดเจ็บจากอุปกรณ์ที่ปนเปื้อนเชื้อ

    เมื่อไหร่ควรเริ่มใช้ยาเป๊ป?

    ยาเป๊ป ต้องเริ่มภายใน 72 ชั่วโมงหลังสัมผัสเชื้อ หากเริ่มใช้ยาเกินกว่า 72 ชั่วโมง ยาเป๊ปจะไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการป้องกัน ดังนั้นควรรีบไปพบแพทย์ หรือสถานพยาบาลทันทีหลังเกิดเหตุการณ์ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อเอชไอวี

    ขั้นตอนการใช้ยาเป๊ป

    • ปรึกษาแพทย์ทันที
      • หากคุณคิดว่าตัวเองมีความเสี่ยงต่อการสัมผัสเชื้อ ให้รีบไปพบแพทย์ในสถานพยาบาลที่มีบริการยาเป๊ป
      • แพทย์จะสอบถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และประเมินว่าคุณจำเป็นต้องใช้ยาเป๊ป หรือไม่
    • ตรวจสุขภาพเบื้องต้น
      • แพทย์จะตรวจหาเชื้อเอชไอวีในร่างกายก่อนเริ่มใช้ยาเป๊ป
      • อาจมีการตรวจการทำงานของตับและไต เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถรับยาต้านไวรัสได้อย่างปลอดภัย
    • การจ่ายยา
      • ยาเป๊ป ต้องรับประทาน ต่อเนื่องทุกวันเป็นเวลา 28 วัน
      • ยาต้องรับประทานในเวลาเดียวกันทุกวันเพื่อให้ระดับยาคงที่ในร่างกาย
    • การติดตามผลหลังการใช้ยา
      • หลังจากสิ้นสุดการใช้ยา 28 วัน ควรพบแพทย์เพื่อตรวจติดตามผล
      • โดยปกติจะมีการนัดตรวจหาเชื้อเอชไอวีเพิ่มเติมในระยะเวลา 1 เดือน และ 3 เดือนหลังการสัมผัสเชื้อ

    ข้อควรรู้เกี่ยวกับยาเป๊ป

    • ยาเป๊ปไม่ใช่วิธีป้องกันล่วงหน้า ยาเป๊ปใช้เฉพาะในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น ไม่สามารถใช้แทนการป้องกันด้วยถุงยางอนามัยหรือยาเพร็พได้
    • การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ การหยุดยาหรือข้ามมื้อยาจะลดประสิทธิภาพในการป้องกัน
    • ผลข้างเคียงของยา อาจมีอาการคลื่นไส้ ท้องเสีย หรืออ่อนเพลียในระหว่างการใช้ยา แต่ผลข้างเคียงเหล่านี้มักไม่รุนแรง
    • ยาเป๊ปไม่ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ เช่น ซิฟิลิส หนองใน หรือเริม ดังนั้นการใช้ถุงยางอนามัยยังคงจำเป็น

    วิธีการป้องกันเอชไอวีในระยะยาว

    แม้ว่ยาเป๊ป จะช่วยลดความเสี่ยงจากเหตุการณ์ฉุกเฉินได้ แต่การป้องกันล่วงหน้ายังคงเป็นสิ่งสำคัญ:

    • การใช้ถุงยางอนามัย เป็นวิธีป้องกันที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
    • การใช้ยาเพร็พ สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อเอชไอวีในระยะยาว
    • การตรวจสุขภาพเป็นประจำ ตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และเอชไอวีอย่างสม่ำเสมอ

    อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติม

    ยาเป๊ป เป็นยาป้องกันฉุกเฉินที่มีบทบาทสำคัญในการลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อเอชไอวีหลังสัมผัสเชื้อ หากคุณเผชิญสถานการณ์ที่มีความเสี่ยง อย่ารอช้า รีบปรึกษาแพทย์ และเริ่มใช้ยาเป๊ป ภายใน 72 ชั่วโมง เพื่อให้ยามีประสิทธิภาพสูงสุด

    นอกจากนี้ การป้องกันเชิงรุก เช่น การใช้ถุงยางอนามัย และการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณปลอดภัย และมั่นใจในสุขภาพของตัวเองได้ในระยะยาว

  • PrEP ช่วยลดความเสี่ยง : ป้องกันเอชไอวีก่อนการสัมผัสเชื้อ

    PrEP ช่วยลดความเสี่ยง : ป้องกันเอชไอวีก่อนการสัมผัสเชื้อ

    ยาเพร็พ หรือยาป้องกันเอชไอวีก่อนการสัมผัสเชื้อ เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงสูงต่อการสัมผัสเชื้อ บทบาทของยาเพร็พ ในการลดความเสี่ยงนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มความปลอดภัย แต่ยังช่วยลดการแพร่ระบาดของเอชไอวีในชุมชนได้อย่างมีนัยสำคัญ

    PrEP ช่วยลดความเสี่ยง ป้องกันเอชไอวีก่อนการสัมผัสเชื้อ

    ยาเพร็พ (PrEP) คืออะไร?

    ยาเพร็พ (PrEP = Pre-Exposure Prophylaxis) เป็นยาต้านไวรัสที่ใช้ป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีก่อนที่ร่างกายจะสัมผัสเชื้อ โดยยานี้เหมาะสำหรับผู้ที่ยังไม่มีเชื้อเอชไอวีแต่มีความเสี่ยงสูง เช่น

    • ผู้ที่มีคู่นอนติดเชื้อเอชไอวี
    • ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน
    • ชายรักชาย (MSM) หรือกลุ่ม LGBTQ+ ที่มีความเสี่ยง
    • ผู้ที่มีคู่นอนหลายคน
    • ผู้ที่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น

    ยาเพร็พ ทำงานโดยการป้องกันไม่ให้เชื้อเอชไอวีแพร่กระจายและเพิ่มจำนวนในร่างกาย

    ประสิทธิภาพของยาเพร็พ

    • ลดความเสี่ยงจากเพศสัมพันธ์ ยาเพร็พสามารถลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อเอชไอวีได้ถึง 99% เมื่อใช้อย่างถูกต้อง
    • ลดความเสี่ยงจากการใช้เข็มร่วมกัน สำหรับผู้ที่ใช้สารเสพติด ยาเพร็พยาเพร็พสามารถลดความเสี่ยงได้ประมาณ 74%
    • การใช้ยาเพร็พอย่างสม่ำเสมอ และต่อเนื่องจะเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกัน

    วิธีการใช้ยาเพร็พให้ได้ผล

    • เริ่มต้นด้วยการปรึกษาแพทย์ ก่อนเริ่มใช้ยาเพร็พ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพเบื้องต้น เช่น ตรวจหาเชื้อเอชไอวี ตรวจการทำงานของตับและไต
    • การรับประทานยา รับประทานยาวันละ 1 เม็ด ในเวลาเดียวกันทุกวัน เพื่อให้ระดับยาในร่างกายคงที่
    • ระยะเวลาเริ่มต้นของยา ยาเพร็พ จะเริ่มมีประสิทธิภาพหลังจากการรับประทานอย่างต่อเนื่องประมาณ:
      • 7 วัน สำหรับการป้องกันเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก
      • 21 วัน สำหรับการป้องกันเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด
    • การติดตามผล พบแพทย์ทุก 3 เดือน เพื่อตรวจหาเชื้อเอชไอวีและประเมินผลข้างเคียงของยา

    ยาเพร็พ เหมาะสำหรับใคร?

    ยาเพร็พ เหมาะสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการสัมผัสเชื้อเอชไอวี เช่น

    • ผู้ที่มีคู่นอนติดเชื้อเอชไอวี แต่คู่นอนกำลังรักษาด้วยยาต้านไวรัส
    • ผู้ที่มีพฤติกรรมทางเพศที่มีความเสี่ยง เช่น การมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนหลายคน
    • ผู้ที่ไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัยระหว่างมีเพศสัมพันธ์
    • ผู้ที่ใช้สารเสพติดและใช้เข็มร่วมกัน
    ข้อดีของยาเพร็พ

    ข้อดีของยาเพร็พ

    • ป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยาเพร็พมีความสามารถในการลดความเสี่ยงสูงมากหากใช้อย่างถูกต้อง
    • เพิ่มความมั่นใจในความสัมพันธ์ ผู้ที่ใช้ยาเพร็พ สามารถมีความสัมพันธ์ที่ปลอดภัยและมั่นใจมากขึ้น
    • เสริมสร้างสุขภาพจิต และความมั่นใจ การป้องกันที่มีประสิทธิภาพช่วยลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการติดเชื้อ
    • การเข้าถึงที่สะดวก ยาเพร็พ เป็นยาที่สามารถรับประทานง่าย และหากใช้ตามคำแนะนำจะไม่มีผลข้างเคียงที่รุนแรง

    ข้อควรรู้เกี่ยวกับยาเพร็พ

    • ยาเพร็พป้องกันเฉพาะเอชไอวี ยาเพร็พ ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ เช่น ซิฟิลิส หนองใน หรือเริม
    • ยาเพร็พต้องใช้ต่อเนื่อง การหยุดยาโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์อาจทำให้ประสิทธิภาพของยาลดลง
    • ผลข้างเคียง บางคนอาจมีอาการคลื่นไส้ อ่อนเพลีย หรือปวดศีรษะ แต่ผลข้างเคียงเหล่านี้มักหายไปภายในไม่กี่สัปดาห์

    ยาเพร็พ ร่วมกับวิธีป้องกันอื่น ๆ

    เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แนะนำให้ใช้ยาเพร็พ ควบคู่กับ

    • การใช้ถุงยางอนามัย ช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ
    • การตรวจสุขภาพประจำปี ตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และสุขภาพทั่วไป
    • การสื่อสารในความสัมพันธ์ การพูดคุยอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับสถานะสุขภาพของตนเองและคู่นอน

    อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติม

    ยาเพร็พ เป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง การใช้ยาเพร็พ อย่างถูกต้องและต่อเนื่องควบคู่กับการติดตามผลสุขภาพเป็นประจำ จะช่วยให้คุณปลอดภัยจากเอชไอวีและมีคุณภาพชีวิตที่ดี

    ด้วยยาเพร็พ คุณสามารถป้องกันตัวเองและสร้างความมั่นใจในความสัมพันธ์ได้อย่างมั่นคง สุขภาพที่ดีเริ่มต้นจากการดูแลและป้องกันอย่างเหมาะสม

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save